ขึ้นประปรายในป่าเบญจพรรณพื้นที่ค่อนข้างชื้นทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ส่วนภาคตะวันออกและภาคใต้มีขึ้นอยู่มากในป่าาดงดิบ ป่าน้ำท่วม และตามท้องนา ทั่วทุกภาคของประเทศ ที่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 20-300 เมตร พบในเอเชียเขตร้อนและออสเตรเลียเป็นไม้ยืนต้นประเภทผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีลำต้นความสูงประมาณ 15-30 เมตร ขนาดทรงพุ่ม โตเต็มที่ 5 - 7 เมตร มีใบใหญ่ และดก ทำให้แลเป็นทรงพุ่มหนา โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน เปลือกสีเทาอมขาว เรียบ เป็นมัน เปลือกลำต้นค่อนข้างบาง และเป็นหลุมตื้นๆกระจายทั่ว ซึ่งเกิดจากผิวด้านนอกแตกสะเก็ดหลุดออกใบ
ใบเดี่ยวออกตามกิ่งก้าน ลักษณะใบมนขอบขนาน เนื้อใบหนา ใบอ่อนมีขนปกคลุม ใบแก่ผิวเกลี้ยงเรียบเป็นมัน
ดอก ดอกมีกลีบรอบดอกเป็นรูปถ้วยเชื่อมติดกับดอก สีม่วงอ่อน
ผล ผลแห้งแตกเป็น 4-6 ซีก เมล็ดจำนวนมาก แบน มีปีกติดที่สันขั้วเมล็ด
การเจริญเติบโต ตะแบกเป็นต้นไม้ที่ทรงพุ่มโต ต้นตะแบกต้องการแสงแดดจัด ควรปลูกกลางแจ้ง การดูแลรดน้ำในปริมาณปานกลาง ทนแล้ง
แหล่งอ้างอิง สำนักงานหอพรรณไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัดว์ป่าและพันธ์พืช เข้าถึงได้จากhttps://www.dnp.go.th/botany/bkf_qr/index.html?code=Lyth001
สมาคมพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ประเทศไทย) เข้าถึงได้จาก https://adeq.or.th/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B2/
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช http://www.pttreforestation.com/Plantview.cshtml?Id=37
เมื่อดอกตะแบกบานจะเป็นช่อใหญ่สวยงาม มีสีม่วงหรือขาว จึงนิยมปลูกเพื่อประดับดอก ซึ่งพบเห็นได้ตามสวนสาธารณะหรือข้างถนนริมทาง ตะแบกมีทรงพุ่มใหญ่กว้าง ทรงพุ่มหนา ทำให้เป็นร่มเงาได้ดีเนื้อไม้ ละเอียด แข็ง ใช้ทำสิ่งปลูกสร้างที่รับน้ำหนัก เสา กระดานพื้น และเครื่องมือการเกษตรช่วงเวลาออกดอก ออกดอกในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน-กันยายน)