ลำต้น ลำต้นมีความสูงประมาณ 5-20 เมตร เปลือกลำต้นเรียบหรือขรุขระ มีสีน้ำตาลหรือเทา มักแตกกิ่งก้านสาขาบริเวณใกล้กับโคนต้น
ใบ ใบชมพู่ออกเป็นใบเดี่ยว เรียงตัวแบบตรงกันข้าม ใบหนาผิวด้านหลังใบเป็นมันสีเขียวเข้ม และมักเจือด้วยสีแดงหรือม่วง
ดอก ดอกชมพู่เป็นช่อตามชอกใบ สีดอกแตกต่างกันไปตามพันธุ์อาจจะเป็นสีขาว เหลือง ชมพูหรือแดง ชั้นกลีบเลี้ยงมีจานวน 4-5 กลีบ และอยู่ติดกันเป็นรูปถ้วย ชั้นกลีบดอกมีจานวน 4-5 กลีบ เมื่อดอกบานนกลีบดอกจะหลุดร่วงเป็นแผงคล้ายหมวก เกสรตัวผู้มีจำนวนมากมาย และอับเกสรสีทองอยู่ที่ปลายดอกการออกดอกในประเทศไทยพอจัดได้รุ่นใหญ่ 2 รุ่น รุ่นแรกเริ่มประมาณตุลาคม-พฤศจิกายน รุ่นที่สองเริ่มประมาณกุมภาพันธ์-มีนาคม
ผลและเมล็ด ผลชมพู่มีลักษณะคล้ายระฆัง ที่ปลายผลมีชั้นของกลีบเลี้ยงรูปถ้วยติดอยู่ตลอด เนื้อ สี รูปร่าง ขนาด และรสชาติแตกต่างกันตามพันธุ์ ส่วนเมล็ด มีตั้งแต่ 1-5 เมล็ด หรืออาจไม่มีเมล็ดแล้วแต่พันธุ์ชมพู่
แหล่งอ้างอิง
พืชเกษตร.คอม เข้าถึงได้จากhttps://puechkaset.com/%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B9%88/
ประโยชน์ของชมพู่ :สรรพคุณบำรุงหัวใจ เป็นยาชูกำลัง ทำให้กระชุ่มกระชวย มีวิตามินเอสูงช่วยบำรุงสายตา มีวิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนซ์ ผลชมพุ่ ถ้ากินสดไม่หมดตากแห้งเอาไว้บดเป็นผงกินเป็นยาบำรุงกำลังก็ได้ เนื้อสีขาวที่เป็นใยด้านในของผล อุดมด้วยวิตามิน A สูงมากเมื่อเทียบกับผลไม้ทั่วไป ส่วนเมล็ดเป็นของดีที่ไม่ควรพลาดแก้เบาหวานได้ แก้ท้องเสีย แก้อาการอักเสบ และช่วยขับปัสสาวะได้อย่างดี ถ้ากินเยอะก็จะปัสสาวะบ่อย อาจทำให้อ่อนเพลียเพราะขาดเกลือแร่ได้ดังนั้นกินแต่พอดีจะมีประโยชน์
แหล่งอ้างอิง
สวนพฤกษ์ศาสตร์.คอม เข้าถึงได้จาก https://sites.google.com/site/swnphvkssastrsk222/tn-chmphu