ไม้ต้น สูง 5-10 เมตร บ้างครั้งเป้นพุ่มเตี้ยๆ กิ่งเกลี้ยง ใบเป็นใบประกอบแบบนี้วมือ ใบย่อย 3 ใบ (บางครั้งมี 4-5 ใบ แต่พบได้น้อย) ยาว 1.5-6.5 เซนติเมตร ก้านใบย่อยสั้นจนเกือบไม่มี ใบรูปไข่กลับ หรือรูปขอบขนาน กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 5-7 เซนติเมตร แผ่นใบเกลี้ยงทั้ง 2 ด้านบาง คล้ายกระดาษ ฐานใบมน หรือรูปลิ่ม ปลายใบโค้งหรือเว้าบุ๋มเล็กๆ มีหนามแหลมสั้นๆ เส้นใบแตกแขนงมาก ดอกออกเป็นช่อเชิงลดหรือช่อกระจะ ทั้งที่ปลายยอด และด้านข้าง ดอกอาจออกเป็นดอกเดี่ยวๆ ที่ซอกใบ ก้านดอกย่อยยาว 1.5-6.5 เซนติเมตร ใบประดับรูปแถบ เล็ก กลีบเลี้ยงรูปไข่ กว้าง 2-3 มิลลิเมตร ยาว 7-10 มิลลิเมตร ปลายแหลม ผิวเกลี้ยง ฐานมีขนนุ่มๆ ปกคลุม เกสรเพศผู้ 9-12 อัน กานชูเกสรยาว 10-15 มิลลิเมตร ติดทน อับเรณูรูปขอบขนาน ยาว 1.5-2 มิลลิเมตร ปลายเป็นติ่งหนาม ก้านชูเกสรเพศเมียยาว 1.5-2 มิลลิเมตร ผิวเกลี้ยง รีงไข่ทรงกระบอก ผิวเกลี้ยง ผลทรงกลมหรือทรงรี เมล็ดรูปไต
ประโยชน์
1.ไม้สีขาวอ่อนและล่อนเป็นกาบๆ นิยมนำเอามาเผ่าถ่าน ใช้ทำถ่านที่มีคุณภาพดี และนำถ่านมาทำดินปืน นอกจากนี้ยังนิยมนำมาทำถ่านอัดในบั้งไฟ
2.ใบของต้นแจงนั้นสมัยก่อนนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเผาขนสัตว์
3.ยอดอ่อนของต้นแจงสามารถนำมาดองก่อนจึงจะรับประทานได้ หรือที่ภาษาอีสานเรียกว่าคั้นส้ม เช่นเดียวกับการกินยอดผักกุ่ม ที่ต้องนำไปดองหรือคั้นส้มก่อนรับประทาน เนื่องจากขณะที่ยังสดๆ “มีสารกลุ่มไซยาไนด์” แต่เมื่อนำไปดองหรือคั้นส้ม สารเหล่านี้จะถูกทำให้สลายตัวไป คนอีสานเชื่อว่าถ้าได้กินคั้นส้มของยอดอ่อนของต้นแจงปีละครั้งจะช่วยให้ไม่เข้าสู่ สภาวะสายตายาว หรือแก่เฒ่าแล้วยังมองเห็นอะไรๆ ได้อย่างชัดเจน โดยไม่ต้องพึ่งแว่นสายตายาว
4.ภูมิปัญญาในการผลิตลูกแป้งหรือแป้งข้าวหมากของบางหมู่บ้าน มีการใช้ลำต้นของต้นแจงเป็นส่วนผสมที่สำคัญในการผลิตลูกแป้งด้วย
แหล่งอ้างอิง
สถาบันวิจัยและพัฒนา กำแพงแสน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
http://www3.rdi.ku.ac.th/exhibition/53/group04/udom/udom.html